ภาพการปล่อยจรวดโซยูส จากฐานปล่อยในคาซัคสถาน
การปล่อยจรวดในครั้งนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก หลังจากจรวดโซยูสของรัสเซียได้เกิดปัญหาขึ้นในสองภารกิจก่อนหน้า โดยจรวดโซยูส MS-09 นั้นมีรูรั่วในส่วน Orbital Module และจรวดโซยูส MS-10 นั้นเกิดปัญหาขึ้นกับบูสเตอร์ที่ติดอยู่กับจรวด ทำให้ภารกิจต้องถูกยกเลิกก่อนที่ลูกเรือจะเดินทางไปสถานีอวกาศนานาชาติ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ในตอนแรกสถานีอวกาศนานาชาติเกือบถูกปล่อยทิ้งร้าง เมื่อลูกเรือสามคนสุดท้ายในสถานีอวกาศต้องกลับโลกในกลางเดือนธันวาคมนี้ แต่ทางหน่วยงานอวกาศของรัสเซียหรือ ROSCOSMOS ก็ได้ตรวจพบปัญหา และแก้ไขด้วยความรวดเร็ว ทำให้การปล่อยในครั้งนี้สามารถดำเนินต่อไปได้ ซึ่งช่วยรักษาสถิติการมีมนุษย์อยู่ในอวกาศต่อเนื่องยาวนานกว่า 18 ปีให้คงอยู่ต่อไป
ทว่าปัญหาในภารกิจนี้คือจำนวนลูกเรือที่น้อยกว่าเดิม เนื่องจากปัญหากับภารกิจโซยูส MS-10 ที่ทำให้ลูกเรืออีกสองคนไม่สามารถเดินทางขึ้นสู่สถานีอวกาศนานาชาติก่อนหน้านี้ได้ ทำให้การทดลองด้านวิทยาศาสตร์ลดน้อยลงกว่าเดิม อีกทั้งการออกไปปฏิบัติงานนอกสถานีหรือ Spacewalk ก็อาจไม่เกิดขึ้น เว้นแต่ว่ามีเหตุจำเป็นเท่านั้น
ที่น่าสนใจคือ ภารกิจ Expedition 58 นี้จะเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ที่มีนักบินอวกาศชาวแคนาดาเดินทางขึ้นสู่สถานีอวกาศนานาชาติ หลังจากที่ Chris Hadfield ได้เดินทางขึ้นไปครั้งล่าสุดเมื่อปี ค.ศ. 2013 ซึ่งในครั้งนั้นเขาได้เล่นกีตาร์ และบันทึกบทเพลงจากบนสถานีอวกาศนานาชาติซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากด้วย
สถานีอวกาศนานาชาตินั้นโคจรอยู่ที่ความสูงราว 400 กิโลเมตรจากพื้นโลก ประกอบไปด้วยโมดูลต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่เป็นห้องนอน ห้องน้ำ ห้องทดลอง ห้องออกกำลังกาย ห้องอาหาร และยังมีโมดูลที่เป็นกระจกขนาดใหญ่ ซึ่งนักบินอวกาศสามารถมานั่งมองโลกได้ โดย ปี ค.ศ. 2018 นี้เป็นปีที่ 20 ที่สถานีอวกาศนานาชาติถูกส่งขึ้นไปโคจรรอบโลก
เรียบเรียงโดย
กรทอง วิริยะเศวตกุล
(ศึกษาอยู่ปีที่ 1 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ)
บรรณาธิการ
อาจวรงค์ จันทมาศ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารดาราศาสตร์
อ้างอิง
https://www.space.com/42603-soyuz-rocket-expedition-58-crew-launch-success.html
https://www.nasa.gov/press-release/nasa-astronaut-anne-mcclain-and-crewmates-arrive-aboard-space-station